ถังดักไขมันคืออะไร จำเป็นแค่ไหนตามกฎหมายไทย

 
     ปัจจุบัน ปัญหาน้ำเสียและท่อระบายน้ำอุดตันเป็นเรื่องที่หลายบ้านเรือนและธุรกิจต้องเผชิญ โดยเฉพาะร้านอาหารและโรงแรมที่มีการปล่อยน้ำเสียจากครัวเรือน ถังดักไขมันจึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการช่วยแยกไขมันออกจากน้ำทิ้งก่อนปล่อยลงสู่ระบบระบายน้ำ แต่ถังดักไขมันไม่ใช่แค่ทางเลือกเพื่อความสะอาดเท่านั้น เพราะตามกฎหมายไทย ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดตั้งอุปกรณ์นี้ด้วย 

     ถังดักไขมันมีความสำคัญในการกรองและแยกไขมันออกจากน้ำก่อนปล่อยลงสู่ระบบระบายน้ำสาธารณะ หากไม่มีการติดตั้งถังดักไขมันหรือไม่บำรุงรักษาอย่างเหมาะสม จนทำให้เกิดการปล่อยไขมันหรือน้ำเสียลงสู่ท่อระบายน้ำ อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 18 หรือ 19 ของพระราชบัญญัตินี้

     วันนี้ทาง Horecaware ขอแนะนำถังดักไขมันภายนอก และกระบวนการทำงานของถังดักไขมัน ที่นิยมใช้สำหรับพ่อค้าแม่ขายที่ต้องการติดตั้งภายในร้าน สะดวกใช้งานและเข้าใจง่ายๆ
 

กระบวนการทำงานการดักจับของถังดักไขมัน

1. ตระแกรงที่กรองเศษอาหาร

เมื่อเราต่อน้ำเข้าถังดักไขมัน ด่านแรกจะมี ตระแกรงที่กรองเศษอาหาร ลักษณะจะมีรูเล็กๆ ให้น้ำไหลผ่าน และปล่อยน้ำเข้าสู่ถังดักจับไขมันต่อไป

2. การแยกไขมันในถัง

น้ำเสียทั้งหมดจะเข้าสู่ช่องแยกไขมัน โดยไขมันจะลอยตัวเหนือผิวน้ำ เนื่องจากไขมันมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ทำให้น้ำสะอาดขึ้น

3. ช่องสำหรับปล่อยไขมัน

เมื่อไขมันลอยตัวจะมีท่อสำหรับระบายไขมันอยู่ข้างทางน้ำไหลออก แนะนำให้ปล่อยไขมันออก 7-10 วัน หรือหากสังเกตุว่ามีไขมันเยอะ ควรรองด้วยถังน้ำ เมื่อปล่อยไขมันออกแล้วเก็บสายท่อระบายไขมันให้เรียบร้อย

4. ช่องระบายน้ำทิ้งในถัง

สามารถปล่อยน้ำที่ค้างในถังเพื่อทำความสะอาด โดยการถอดฝาเกลี่ยวที่ก้นถังออกแล้วใช้น้ำฉีดทำความสะอาด ควรทำทุกๆ 6 เดือน หรือบ่อยๆ

5. การดูแลรักษาถังดักไขมัน

     ถังดักไขมันเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันและเศษอาหารไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันและส่งกลิ่นเหม็น หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงและเกิดปัญหาในระบบท่อระบายน้ำได้

ขั้นตอนการดูแลรักษาถังดักไขมัน

1. ทำความสะอาด

• ควรทำความสะอาดถังดักไขมันเป็นประจำทุก 6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งาน

• หากเป็นร้านอาหารหรือสถานประกอบการที่มีไขมันสะสมมาก อาจต้องทำความสะอาดบ่อยขึ้น

2. นำไขมันออกจากถัง

• นำไขมันออกจากถังในทุกๆ 7-10 วัน

• หากเป็นร้านอาหารควรตรวจสอบให้บ่อยขึ้นใน 1-2 วัน

3. กำจัดเศษอาหาร

• ตักเศษอาหารและตะกอนที่ตกค้างที่ก้นถังออก

• ล้างด้วยน้ำสะอาดและใช้แปรงขัดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่เกาะติด

4.ล้างถังและขจัดกลิ่น

• ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดาผสมน้ำอุ่น เพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์

• ห้ามใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแรง เพราะอาจทำให้ถังเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

5.ตรวจสอบถังดักไขมัน

• ตรวจสอบว่าถังไม่มีรอยแตกร้าวหรือรั่วซึม
• ตรวจสอบท่อทางเข้าและทางออกว่ามีการอุดตันหรือไม่
• หากพบว่าถังเสียหายหรือมีการอุดตันรุนแรง ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาซ่อมแซม

ประโยชน์ของการติดตั้งถังดักไขมัน

1. ถังดักไขมันช่วยแยกไขมันและเศษอาหารออกจากน้ำทิ้งก่อนที่น้ำจะไหลเข้าสู่ระบบท่อระบายน้ำ

2. ลดปัญหาท่ออุดตัน ซึ่งอาจเกิดจากการสะสมของไขมันที่แข็งตัวและเกาะติดภายในท่อ

3. ช่วยลดการเน่าเสียของไขมันและเศษอาหารที่อาจสะสมในท่อระบายน้ำ

4. ทำให้บริเวณครัวและพื้นที่โดยรอบมีกลิ่นสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็นจากน้ำเสีย

5. ถังดักไขมันช่วยกรองของเสียที่เป็นไขมันก่อนปล่อยน้ำลงสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย

6. ลดปริมาณไขมันในน้ำเสีย ทำให้โรงบำบัดน้ำเสียสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. ลดการปล่อยไขมันและเศษอาหารลงสู่แม่น้ำลำคลอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ำเสียและทำลายระบบนิเวศ

8. ช่วยลดมลพิษทางน้ำ ทำให้แหล่งน้ำสะอาดและไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ

9. หากไม่มีถังดักไขมัน ท่ออาจอุดตันบ่อยและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการล้างท่อหรือซ่อมแซมระบบระบายน้ำ

10. ป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เกิดจากไขมันและเศษอาหารที่เน่าเสีย

11. ไขมันที่แยกออกมาสามารถนำไปรีไซเคิล เช่น ผลิตไบโอดีเซล หรือนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ

สรุปบทความ: ถังดักไขมันและประโยชน์ของมัน

     ถังดักไขมันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแยกไขมันและเศษอาหารออกจากน้ำเสียก่อนเข้าสู่ระบบระบายน้ำ ช่วยป้องกันท่ออุดตัน ลดกลิ่นเหม็น และลดภาระในการบำบัดน้ำเสีย นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อยไขมันลงสู่แหล่งน้ำ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมท่อ และส่งเสริมสุขอนามัย หากมีการติดตั้งและดูแลรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ระบบระบายน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น