เตาแก๊ส เครื่องมือสำคัญที่เราใช้ในการประกอบอาหารต่างๆ เพื่อเปลี่ยนเชื้อเพลิงให้กลายเป็นความร้อนและใช้ในการปรุงอาหารจนอาหารสุกพร้อมรับประทานนั่นเอง เตาแก๊สที่มีการใช้งานอยู่ในห้องครัวของเราในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายชนิดไม่ว่าเป็นเตาแก๊สหัวเตาทองเหลือง เตาแก๊สหัวเตาอินฟราเรด เตาแก๊สหัวเตาเทอร์โบ เตาแก๊สหัวเตาเหล็กหล่อ เตาแก๊สหัวเตาผสม เตาหัวเร่ง และ เตาแก๊สปิกนิก ซึ่งแน่นอนว่าเตาแก๊สเหล่านี้ย่อมมีความแตกต่างกันออกไปในแง่ของการใช้งานและคุณสมบัติของตัวเตาเอง
ซึ่งอีกข้อความแตกต่างที่สำคัญในเตาแก๊สหัวเตาทองเหลือง เตาแก๊สหัวเตาอินฟราเรด เตาแก๊สหัวเตาเทอร์โบ เตาแก๊สหัวเตาเหล็กหล่อ เตาแก๊สหัวเตาผสม เตาหัวเร่ง และ เตาแก๊สปิกนิก ก็คือ กำลังไฟนั่นเอง ซึ่งเตาแก๊สที่มีกำลังไฟมากที่สุดก็คือเตาแก๊สหัวเตาทองเหลือง และเตาที่สามารถประหยัดพลังงานได้มากที่สุดก็คือ เตาแก๊สหัวเตาอินฟราเรด นั่นเอง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วหากเราไม่ต้องการไม่ต้องการที่จะประกอบอาหารที่มากจนเกินไปเราก็สามารถเลือกใช้แบบเตาแก๊สหัวเตาทองเหลือง ถึงแม้ว่าเตาแก๊สหัวเตาทองเหลืองจะมีการใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่มากกว่าแบบอื่นก็ตาม
และอย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าส่วนที่ทำให้เตาแก๊สแตกต่างกันก็คือ กำลังไฟของเตาแก๊ส ซึ่งส่วนนี้เองที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความแรงของไฟที่เราจะใช้ในการประกอบอาหาร หลายๆคนคงจะเคยเห็นหรือสังเกตว่าเวลาที่เราใช้งานเตาแก๊สไฟที่ปรากฎขึ้นมามักจะมีสีเป็นสีน้ำเงินเสมอๆหรือย่างน้อยก็เมื่อเราเริ่มใช้งานเตาแก๊สนั้นเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้หลายคนงงว่าทำไมเปลวไฟถึงเป็นสีนั้นและเมื่อเรายิ่งเพิ่มกำลังไฟขึ้นไฟกลับมีสีน้ำเงินมากขึ้น แตกต่างจากเปลวไฟของเทียนซึ่งให้สีแดงหรือสีส้มเป็นหลัก นั่นก็เพราะสีน้ำเงินเป็นสีของไฟที่มีความร้อนมากที่สุดนั่นเอง ดังนั้นหากเตาแก๊สของเราให้เปลวไฟเป็นสีน้ำเงิน นั่นก็แสดงว่าเตาแก๊สของเรายังทำงานได้ตามปกติดีแล้ว ไม่มีอะไรที่เราต้องกังวล แต่ถ้าเปลวไฟของเตาแก๊สเราเปลี่ยนเป็นสีอื่น เช่น สีแดง สีส้ม นั่นก็แสดงว่าเตาแก๊สของเราเริ่มมีปัญหาที่ตัวจ่ายพลังงานแล้ว ซึ่งเราสามารถแก้ไขได้ดังนี้
Ref. kitchen-form